Menu
สายด่วนบริการลูกค้า : 02-692-8404-12

หน้าแรก / บทความที่น่าสนใจ

โรคยอดฮิต “Office syndrome” รู้ทันป้องกันได้

11/10/2019

        Office syndrome เป็นคำกว้างๆ ทั่วไป (ไม่ใช่คำเฉพาะเจาะจงทางการแพทย์) ที่หมายถึงกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนทำงานในสำนักงาน ได้แก่ โรคกระเพาะ ปัสสาวะอักเสบ ต้อหินหรือโรคทางจักษุอื่นๆ โรคนอนไม่หลับ โรคกรดไหลย้อน โรคปวดศีรษะ ไมเกรน โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือโรคอ้วน เป็นต้น ซึ่งโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มโรค Office syndrome ด้วยเช่นกัน
         จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2556-2560 พบว่าประเทศไทยมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ประมาณ 30.8 ล้านคน เป็นกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 15 ขึ้นไป) จำนวน 28.1 ล้านคน ส่งผลให้ผู้ที่ทำงานในสำนักงานมีแนวโน้มที่จะมีโอกาสเป็นโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อสูงขึ้น เนื่องจากลักษณะงานที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือทำงานท่าเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ


อาการของโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่ 

ปวดคอ (Neck pain)
กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (Myofascial pain syndrome)
เอ็นกล้ามเนื้อไหล่อักเสบ (Biceps, Supraspinatus tendinitis)
กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ (Tennis elbow)
กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านในอักเสบ (Golfer elbow)
เอ็นรัดข้อมือกดทับเส้นประสาท (Carpal tunnel syndrome)
ปลอกหุ้มเอ็นนิ้วโป้งอักเสบ(De Quervain’s tenosynovitis )
นิ้วล็อก (Trigger finger)
ปวดหลังส่วนล่าง (Low back pain)
เส้นประสาทมีความตึงตัว (Nerve tension)
สาเหตุ

การนั่งทำงานท่าเดิมซ้ำ ๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน
ท่าทางการทำงานไม่เหมาะสม หลังค่อม ก้มหรือเงยคอมากเกินไป
สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม
สภาวะเครียดจากการทำงาน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ

         จากสาเหตุข้างต้นทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อ ในภาวะปกติกล้ามเนื้อจะมีการหดตัวและคลายตัวเพื่อทำงาน เมื่อเราใช้งานในลักษณะเดิมเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งหดตัวตลอดเวลาเมื่อถึงจังหวะเวลาที่กล้ามเนื้อต้องคลายตัวแต่กลับคลายตัวไม่ได้ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลำบาก เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อซ้ำ ๆ จนเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และนำไปสู่กระบวนการอักเสบและการสร้างพังผืด เมื่อปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดพังผืดยึดเกาะบริเวณกล้ามเนื้อมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อนั้นมีความทนทานต่อการใช้งานลดลง ง่ายต่อการบาดเจ็บซ้ำ และยังส่งผลให้กล้ามเนื้อนั้นไม่สามารถขับของเสียที่เกิดจากการใช้งานออกไปได้ เนื่องจากการไหลเวียนเลือดบริเวณนั้นไม่ดี ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออักเสบจนแสดงอาการปวดออกมา นอกจากนี้ความเครียดจากการทำงาน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่ทำงานไม่เหมาะสมก็ส่งผลให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้

โรคออฟฟิศซินโดรมในแต่ละระยะขึ้นกับ ระดับขั้น ลักษณะอาการและการรักษาอาการ ดังต่อไปนี้ 

ระยะหนึ่ง

           จะมีอาการปวดเมื่อยล้า ในบริเวณที่ถูกใช้งานเป็นประจำ หลังจากทำงานต่อเนื่อง 3-4 ชั่วโมง และอาการจะหายไปทันที เมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางหรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ถ้าหากไปพบแพทย์อาจตรวจไม่พบความผิดปกติโครงสร้างร่างกาย แต่เป็นเพียงความรำคาญหรือหงุดหงิดกับอาการเมื่อยล้าเท่านั้น

           สามารถรักษาให้หายได้ง่าย โดยการยืดเหยียดบริหารร่างกายด้วยตนเอง

ระยะสอง

           จะมีอาการปวด เมื่อยล้า ชา หรืออ่อนแรง หลังจากทางานไประยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต้องลุกเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยครั้ง และอาการมักจะเป็นคงค้างนานไม่หายไปทันที เมื่อเปลี่ยนท่าทาง และอาจรบกวนการนอนหลับบ้าง หลังจากนอนพักอาการจะทุเลาลงเล็กน้อยและอาจมีอาการปวดตึงเมื่อตื่นนอน พอได้ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวอาการเหมือนดีขึ้น แต่พอมาทำงานท่าเดิม ๆ สักพักอาการก็กลับแย่ลง

            สามารถรักษาให้หายได้ในระยะนี้  โดยการไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด ทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบาบัด

ระยะสาม

           จะมีอาการปวด เจ็บ ชา หรืออ่อนแรงจะมากขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งจะมีอาการตลอดเวลา แม้ว่าจะทำกิจวัตรประจำวันเล็ก ๆ น้อย ก็ปวดจนแทบทนไม่ได้ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนงานหรือลาออกจากงาน เพราะไม่สามารถทนทำงานในหน้าที่ต่อไปได้อีก อาการปวดรบกวนการนอนจนทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหยุดงานเพื่อรักษาตนเองอย่างจริงจังและต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพร่างกายยาวนาน

          การรักษาอาการในระยะนี้จะ เป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องให้ความใส่ใจกับการดูแลตนเองของผู้ป่วย ซึ่งใช้เวลานานในการรักษาให้หาย